มะเร็งที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ในเต้านม โดยเฉพาะเซลล์ท่อน้ำนม โดยเซลล์จะเริ่มแบ่งตัวผิดปกติแล้วลุกลามไปยังเนื้อเยื่อข้างเคียง หากปล่อยไว้อาจแพร่กระจายไปยังเซลล์อื่นๆ ในร่างกายได้

สาเหตุของการเกิดมะเร็งเต้านม
• มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ หรือมีประวัติเคยเป็นมะเร็งเต้านมมาก่อน เคยมีก้อนบริเวณเต้านมที่ผลการตรวจพบว่าผิดปกติ
• พบในผู้หญิงอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป
• การใช้ชีวิตประจำวัน เช่น สูบบุหรี่จัด ดื่มสุรา ไม่ออกกำลังกาย ความอ้วน
• มีประวัติเคยได้รับรังสีรักษาบริเวณหน้าอกมาก่อน
• มีประจำเดือนครั้งแรก ก่อนอายุ 12 ปี
• หมดประจำเดือนหลังอายุ 55 ปี

อาการของมะเร็งเต้านม
ในระยะเริ่มต้น มะเร็งเต้านมอาจไม่มีอาการใด ๆ ชัดเจน แต่เมื่อโรคดำเนินไป อาจสังเกตเห็นอาการเหล่านี้
• ก้อนที่เต้านม ก้อนแข็ง ไม่เคลื่อนที่ และไม่เจ็บ
• หัวนมบุ๋ม หรือเปลี่ยนรูปร่าง
• ผิวหนังบริเวณเต้านมเปลี่ยนแปลง เช่น มีรอยบุ๋ม รอยแดง หรือผื่นคล้ายผิวส้ม
• มีน้ำเหลืองหรือเลือดไหลออกจากหัวนม
• ต่อมน้ำเหลืองใต้รักแร้บวม
• มีอาการปวดบริเวณเต้านม

การตรวจและรักษามะเร็งเต้านม
• การตรวจเต้านมด้วยตนเอง ควรทำเป็นประจำทุกเดือน หลังจากมีประจำเดือนไปแล้ว 7-10 วัน
• การตรวจเต้านมโดยแพทย์ ควรตรวจสุขภาพเต้านมอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะผู้หญิงอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป และผู้หญิงที่มีปัจจัยเสี่ยงสูง
• การตรวจเอกซเรย์เต้านม (แมมโมแกรม) เป็นการตรวจคัดกรองที่มีประสิทธิภาพในการค้นหาเนื้องอกหรือความผิดปกติของเต้านมในระยะเริ่มต้น แม้ยังไม่แสดงอาการ
• การรักษา การรักษาจะขึ้นอยู่กับระยะของโรค และอาจรวมถึงการผ่าตัด การฉายแสง เคมีบำบัด หรือการใช้ฮอร์โมนบำบัด

การป้องกันมะเร็งเต้านม
แม้จะไม่สามารถป้องกันมะเร็งเต้านมได้ทั้งหมด แต่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและดูแลสุขภาพ สามารถช่วยลดความเสี่ยงได้
• ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
• ควบคุมน้ำหนัก
• เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นผัก ผลไม้ และธัญพืชเต็มเมล็ด ลดอาหารแปรรูปและไขมันสูง
• หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

มะเร็งเต้านมเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตในผู้หญิงไทย แต่โรคนี้สามารถรักษาให้หายได้ หากตรวจพบและได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ดังนั้น การตระหนักรู้ การตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ และการดูแลสุขภาพที่ดี จึงเป็นกุญแจสำคัญในการต่อสู้กับมะเร็งเต้านม